วันพฤหัสบดีที่ 17 เมษายน พ.ศ. 2557

คำศัพท์น่ารู้: สิ่งของในห้องนอน

คำศัพท์น่ารู้: สิ่งของในห้องนอน

วันนี้ผมมีคำศัพท์เกี่ยวกับสิ่งของในห้องนอน (bedroom) มาฝากกันครับ หลายๆคนอาจคุ้นเคยกับคำศัพท์พื้นฐานสุดๆอย่าง bed กันดี แต่เพื่อนๆลองมาดูคำศัพท์เหล่านี้กัน ว่าเราเคยเห็นมาก่อนรึเปล่า
 1. bolster โบลส์-เตอะ หมอนข้าง
หรือจะใช้คำว่า long pillow แทนก็ได้ค่ะ แต่สำหรับหมอนหนุนหัวต้องเป็น pillow นะ
2. wardrobe วอ-โดรบ ตู้เสื้อผ้า
หรือจะใช้คำว่า closet ก็แปลว่าตู้เสื้อผ้าเหมือนกันครับ
3. bunk bed บังค์-เบ้ด เตียงนอน 2 ชั้น
สำหรับเด็กบางคนจะชอบนอนเตียงบนมากกว่าครับ เพราะมีความเป็นส่วนตัว แต่ถ้าตื่นไปเข้าห้องน้ำกลางดึก แล้วลืมว่านอนอยู่เตียงบนนี่ยุ่งเลยนะ
4. duvet ดู-เฟ้ท ผ้านวม
ไม่ใช่ผ้านวมธรรมดานะคะ แต่เป็นผ้านวมที่ทำจากขนเป็ด eider ทำให้เรียกได้อีกอย่างว่าeiderdown หรือจะเอาแบบผ้านวมธรรมดาก็ให้ใช้ quilt ครับ
5. sheet ชีท ผ้าปูที่นอน
หรือใช้ bedspread ก็ได้ แต่ถ้าจะเรียกผ้าห่มต้องเป็น blanket ครับ 
6. mystic symbol มิสติค-ซิมโบล ผ้ายันต์
อันนี้อาจเห็นได้หน้าห้องนอนของผู้ใหญ่ที่เชื่อใน เครื่องรางของขลัง (talisman) กันนะครับ
เห็นรึยังคะ ว่าใน bedroom ของเราไม่ได้มีแค่ bed อย่างเดียวนะ คราวหน้าจะนำคำศัพท์ทั่วไปในชีวิตประจำวันมาฝากอีกนะครับ อย่าลืมติตามกัน อิอิ

วันอาทิตย์ที่ 13 เมษายน พ.ศ. 2557

บอกเวลาเป็นภาษาอังกฤษง่ายนิดเดียว

บอกเวลาเป็นภาษาอังกฤษง่ายนิดเดียว
เวลา อย่างที่ทุกคนเคยได้เรียนมาตั้งแต่เด็กๆ เราก็จะมักชินกับคำว่า “What time is it?” ถามได้แต่บางคนตอบไม่ได้ .. แล้วยิ่เวลาผ่านไปนานปี ภาษาอังกฤษนั้นเราก็ไม่ได้นำมาใช้การอีกเลย จนทำให้ลืมหายไป! แต่พอเราโตขึ้นภาษาอังกฤษนั้นกลับมความสำคัญต่อการใช้ชีวิตของเราอีกละซิ งั้นเรามาฟื้นความทรงจำกันหน่อยดีกว่า เผื่อว่านำไปใช้สนทนากับต่างชาติได้เนอะ จะได้บอกเวลาแบบโปรเฟสแชนแนล
          การบอกเวลาเป็นภาษาอังกฤษนั้น จะมี แบบ คือ แบบ  British English และแบบ American English ซึ่ง แบบนี้จะมีวิธีการเรียกเวลาที่แตกต่างกัน ลองไปดูทั้ง แบบนี้กันคะ แล้วดูซิว่า เพื่อนๆ ชอบแบบไหนมากกว่ากัน ^^
1. แบบ  British English 
ระบบเวลาจะเป็นแบบ 12 ชั่วโมง (12 hour clock) โดยจะใช้เลข ถึง 12 ตามด้วย a.m. และ p.m.
- a.m. = ante meridiem = หลังเที่ยงคืน ถึง ก่อนเที่ยงวัน (00.01 a.m. – 11.59 a.m.)
- p.m. = post meridiem = หลังเที่ยงวัน ถึง ก่อนเที่ยงคืน (12.00 p.m. – 11.59 p.m.)
เวลาเต็มชั่วโมง : ให้เติมคำว่า “o’clock” ท้ายเวลา อาจเติมคำบอกเวลาหรือพูด “เอ-เอ็ม” และ พี-เอ็มเพื่อให้สามารถเข้าใจได้ง่ายขึ้น สำหรับเวลาเที่ยงวันให้ใช้ noon และเที่ยงคืนให้ใช้ midnight 
- 10.00 a.m. = ten o’clock in the morning / ten a.m. (เท็น-เอ-เอ็ม)
- 04.00 p.m. = four o’clock in the afternoon / four p.m. (โฟร์-พี-เอ็ม)
เวลาที่ผ่านชั่วโมงมาแล้ว แต่ไม่เกิน 30 นาที – ให้บอกนาทีนำหน้าตามด้วย “past” และชั่วโมงที่ผ่านมา เช่น
- 09.25 a.m. = twenty-five past nine
- 05.12 p.m. = twelve past five
เวลาที่ผ่านชั่วโมง และเกิน 30 นาทีมาแล้ว – ให้บอกนาทีที่เหลือก่อนจะถึงชั่วโมงถัดไป ตามด้วย “to” และชั่วโมงถัดไปเช่น
- 07.50 a.m. = ten to eight
- 08.40 p.m. = twenty to nine
หากนาฬิกาเป็น เวลา 15 นาทีหรือ 45 นาที ให้ใช้คำว่า a quarter และหากเป็น 30 นาที ให้ใช้ half เช่น
- 06.15 a.m. = a quarter past six
- 06.30 a.m. = half past six
- 06.45 a.m. = a quarter to seven
2. แบบ American English
ใช้ระบบเวลาแบบ 24 ชั่วโมง (24-hour clock) ใช้ตั้งแต่เลข ไปจนถึง 24 เลย ซึ่งจะไม่มี a.m. และ p.m. วิธีพูดคือ จะบอกเลขชั่วโมงก่อนตามด้วยเลขนาที (แบบนี้ง่ายดีนะ ^^) มักจะใช้ในทางทหารหรืองานที่เป็นทางการหน่อยเพื่อไม่ให้สับสน เช่น
- 20.15 = twenty fifteen
- 08.05* = eight O five (เอท-โอ-ไฟฟ์)  *ใช้เสียง O (โอ) แทนเลขศูนย์
- 17.50 = seventeen fifty
เทคนิคเล็กน้อย : การบอกเวลาสามารถเติมคำประมาณได้ด้วยนะ อย่าง about, around หรือ nearly เช่น
- 08.02 =It’s about eight o’clock
- 09.27 = It’s nearly half past nine
ส่วนคำถามเรื่องของ เวลา นั้น โดยทั่วไปเราจะถามได้หลายประโยคค่ะ เช่นต่อไปนี้
What’s the time?
What time is it?
Do you have the time?
Have you got the time?
What time do you make it?
ภาษาอังกฤษไม่อยากอย่างที่คุณคิดนะครับ 

วันเสาร์ที่ 12 เมษายน พ.ศ. 2557

เจาะลึก! วิธีแนะนำตัวภาษาอังกฤษแบบง่ายๆในทุกสถานการณ์

เจาะลึก! วิธีแนะนำตัวภาษาอังกฤษแบบง่ายๆในทุกสถานการณ์

ดูเหมือนว่าสมัยนี้ไม่ว่าเราจะไปทำกิจกรรมอะไรเกี่ยวกับภาษาอังกฤษ การแนะนำตัวเป็นภาษาอังกฤษ เป็นสิ่งที่เราต้องพบเจออย่างเลี่ยงไม่ได้ ยกตัวอย่างนะครับ เวลานำเสนองานวิชาภาษาอังกฤษหน้าชั้นเรียนก็ต้องพูดแล้ว จะพูดคุยกับฝรั่งที่ไม่เคยรู้จักมาก่อนก็ต้องแนะนำตัวภาษาอังกฤษ หรือแม้แต่ตอนสัมภาษณ์งานก็ต้องมีเทคนิคในการแนะนำตัวเองเป็นภาษาอังกฤษให้ผู้ว่าจ้างประทับใจให้ได้
วันนี้เรามีเทคนิคในการแนะนำตัวเป็นภาษาอังกฤษมาฝากครับ ซึ่งแต่ละแบบก็จะมีวิธีแตกต่างกันไป ก่อนอื่นต้องถามตัวเองว่า เรากำลังจะแนะนำตัวภาษาอังกฤษในสถานการณ์ไหนกันแน่ เอาล่ะมาดูกันเลย
1. แนะนำตัวภาษาอังกฤษตอนนำเสนองานในห้องเรียน
ถึงแม้เพื่อนๆในห้องจะรู้จักเราเป็นอย่างดี แต่เราไม่ควรมองข้ามการแนะนำตัวนะ คิดซะว่าเป็นการขัดเกลาฝีมือการแนะนำตัวเป็นภาษาอังกฤษของเราเองแล้วกัน อย่าลืมว่าถ้าเราไม่จริงจังตั้งแต่แรก ก็คงไม่มีใครตั้งใจฟังการนำเสนองานของเราแน่นอน
  • แนะนำตัวก่อนเราเป็นใคร – ขั้นแรกให้บอกชื่อ-นามสกุลตัวเองให้เรียบร้อย แต่ในบางกรณีไม่ต้องบอกนามสกุลก็ได้ เช่น
    Good morning everyone. My name is Jason Green. (สวัสดีครับเพื่อนๆ ผมชื่อเจสัน กรีน)
  • เป็นตัวแทนจากกลุ่มก็บอกเลย – กรณีนำเสนองานกลุ่มก็ให้บอกเพื่อนๆครับว่าเราเป็นตัวแทน เช่น
    I’m representing group 4. (ผมเป็นตัวแทนจากกลุ่ม 4)
  • หัวข้อที่จะพูด – สุดท้ายก็เปิดการนำเสนอด้วยการบอกหัวข้อเรื่องที่เราจะพูด
    Today, I’m going to discuss the life and achievements of Nelson Mandela.
    (วันนี้ผมจะมาเล่าเรื่องชีวิตและความสำเร็จของเนลสัน แมนเดลา)
แต่ถ้าเราไม่ได้นำเสนองาน แค่แนะนำตัวเฉยๆ ก็สามารถบอกชื่อ และประวัติคร่าวๆของเราได้เลย เช่น
Good morning. My name is Suppachai. My nickname is King. I am studying at … school, in grade 7. I live in Bangkok. I live with my parents. I have 1 older brother. My favorite sport is badminton. I like to read books in my free time.(สวัสดีครับ ผมชื่อศุภชัย ชื่อเล่นชื่อคิง ผมเรียนอยู่ที่โรงเรียน… อยู่ชั้นม.1 ครับ ผมอยู่ที่กรุงเทพO อาศัยอยู่กับพ่อแม่ ผมมีพี่ชายอยู่คนนึง ผมชอบเล่นแบดมินตัน และในเวลาว่างผมชอบอ่านหนังสือครับ)
P.S. การแนะนำตัวลักษณะนี้มักจะใช้ในระดับประถมศึกษาหรือมัธยมต้นนะจ๊ะ สำหรับเด็กม.ปลายหรือสูงกว่านี้ควรเพิ่มคำศัพท์ที่น่าสนใจ ประโยคที่ฟังลื่นหู หรือเพิ่มข้อมูลเกี่ยวกับตัวเองเข้าไปด้วยล่ะ เช่น
Good morning, everyone. My name is Wittawat, or you can just call me Dew. I love to read comics, which is why I have a good sense of humor. I also like to go outside on weekends, especially to the theaters. I’m an extrovert person and I love to go to parties. It’s nice to meet all of you.(สวัสดีครับ ผมชื่อวิทธวัช หรือเรียกผมว่าดิวก็ได้ ผมชอบอ่านการ์ตูนนะ ทำให้ผมเป็นคนมีอารมณ์ขัน วันเสาร์อาทิตย์ผมมักจะออกไปดูหนัง ผมเป็นคนที่เปิดเผยและชอบงานปาร์ตี้มากเลย ยินดีที่ได้รู้จักทุกคนครับ)
2. แนะนำตัวภาษาอังกฤษเพื่อสมัครงาน
การแนะนำตัวลักษณะนี้จะ advance ขึ้นมาอีกระดับ สิ่งสำคัญคือ First impression ครับ ต้องทำให้ผู้สัมภาษณ์เราประทับใจให้ได้ หากเราแต่งกายดูดี มีความมั่นใจและรู้ว่าต้องไปพูดอะไร ก็มีโอกาสที่เราจะได้งานสูงทีเดียว
วิธีรับมือคำถามสุดฮิต “Tell me about yourself.”
นายจ้างต้องการรู้ข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับตัวเรา ทั้งชื่อ ระดับการศึกษา ประสบการณ์ งานอดิเรก ครอบครัว นิสัยส่วนตัว และที่สำคัญคือระดับภาษาอังกฤษของเรานั่นเอง ดังนั้นใครมีความสามารถ จัดเต็มไปไม่ต้องกั๊กครับ ไม่งั้นเดี๋ยวจะมาเสียดายภายหลังนะบอกไว้ก่อน
หากต้องแนะนำตัวภาษาอังกฤษกับกรรมการหลายคน ในบรรยากาศที่แสนจะกดดัน เราต้องตอบรับด้วยความเป็นมืออาชีพครับ อ่านข้อมูลเกี่ยวกับการสมัครงานภาษาอังกฤษได้ที่นี่เลย
  • Good afternoon. First of all, thank you for giving me this opportunity and it is a great pleasure to meet you all. My name is Watson Smith and I have completed my Bachelor’s Degree in Marketing from Rajabhat University. I have two years experience as a marketing officer. My hobby is playing basketball and reading magazines. About my family, my father is a retired accountant and my mother owns a beauty salon. I have a brother, and he’s still studying in university.
  • (สวัสดีครับ ก่อนอื่นขอขอบคุณที่ให้โอกาสผมในครั้งนี้ ยินดีที่ได้รู้จักทุกท่านครับ ผมชื่อวัตสัน สมิธ และจบการศึกษาทางการตลาดจากมหาวิทยาลัยราชภัฎ ผมมีประสบการณ์ทำงาน 2 ปีในฐานะเจ้าหน้าที่การตลาด ผมชอบเล่นบาสเกตบอล และอ่านหนังสือแม็กกาซีน ส่วนเรื่องครอบครัว พ่อของผมเกษียณจากอาชีพนักบัญชี และแม่ของผมทำร้านเสริมสวยครับ ผมมีน้องชาย 1 คนแต่ตอนนี้เขากำลังเรียนอยู่ครับ)

3. แนะนำตัวภาษาอังกฤษเมื่อพูดคุยกับชาวต่างชาติ
สำหรับการพูดคุยทั่วไปแบบนี้ ไม่มีรูปแบบตายตัวครับ ถ้าไม่รู้จักกันมาก่อนหลักๆคือการบอกชื่อเล่น จากนั้นอยากพูดอะไรก็พูดเล้ย แต่ถ้าเป็นเพื่อนที่รู้จักกันก็ไม่ต้องมีพิธีการอะไรมากมาย เช่น
  • เพื่อนเก่าที่ไม่ได้เจอมานาน 
    Katie! It’s been ages since last met! Let’s have lunch together, we have a lot of catching up to do.
    (โอ้ว เคธี่ ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ! ไปกินข้าวกันเถอะ มีเรื่องต้องเมาท์เยอะแยะเลย) 
  • เพื่อนสนิท
    What’s up, dude. Are you free today? Come play soccer with us.
    (ไงเพื่อน วันนี้ว่างป่าว ไปเตะบอลกัน) 
  • คนที่เพิ่งรู้จักกัน
    Hi, how are you. I’m Mike, your buddy in this exchange program. It’s nice to meet you.
    (หวัดดีเพื่อน เราชื่อไมค์ เป็นบัดดี้ของนายระหว่างที่มาแลกเปลี่ยนที่นี่ ยินดีที่ได้รู้จักนะ)
ประโยคง่ายๆไว้แนะนำตัวภาษาอังกฤษ
สุดท้ายนี้เป็นแนวทางเบื้องต้นในการแนะนำตัวภาษาอังกฤษครับ ถ้าเลือกใช้ให้เหมาะกับสถานการณ์ก็จะรู้เลยว่าการแนะนำตัวเองเป็นภาษาอังกฤษเป็นเรื่องง่ายมาก ผมขอแบ่งเป็น 3 ขั้นตอนแล้วกันนะครับ
Hi! My name is…(ชื่อ)…
Hi! I’m …(ชื่อ)…
I am …(ชื่อ)…
Hey, everyone. My name is …(ชื่อ)… You can call me …(ชื่อเล่น)…
Let me introduce myself. I’m …(ชื่อ)…
How do you do?
How are you doing?
How’s everything?
It’s nice to meet you.
It’s a pleasure to meet you.
Glad to meet you.
It’s an honor to meet you.
Happy to be your friend.
Hope to see you again.
Tips: ระหว่างพูดคุยกันอย่าลืมสบตาด้วยนะครับ ที่สำคัญต้องยิ้มด้วย คงไม่มีใครอยากพูดกับคนหน้าบึ้งตึงหรอกจริงมั้ย สุดท้ายถ้าเป็นทางการหน่อยก็ปิดท้ายด้วยการจับมือ (shake hand) นะครับ
เห็นไหมว่าการแนะนำตัวเป็นภาษาอังกฤษไม่ยากเลย ลองเอาวิธีพวกนี้ไปปรับใช้กันดูนะครับ 


วันศุกร์ที่ 11 เมษายน พ.ศ. 2557

คำศัพท์ภาษาอังกฤษ: สภาพอากาศ (Weather)

คำศัพท์ภาษาอังกฤษ: สภาพอากาศ (Weather)

ในการสนทนาทั่วไป หัวข้อที่มักจะถูกยกมาเปิดประเด็นก็หนีไม่พ้นเรื่อง “ดินฟ้าอากาศ” สำหรับชาวต่างชาติเค้าจะค่อนข้างเคารพสิทธิส่วนตัว เลยไม่ซอกแซกถามเรื่องส่วนตัวกัน อีกอย่างบ้านเมืองเค้าสภาพอากาศเปลี่ยนแปลงบ่อยด้วย เลยนิยมพูดถึงเรื่องนี้เป็นพิเศษ คำถามสุดฮิตเกี่ยวกับดินฟ้าอากาศ ก็หนีไม่พ้น
How’s the weather today? อากาศวันนี้เป็นไงบ้าง
How’s the weather there? อากาศที่นั่นเป็นไงบ้าง
เวลาตอบก็ให้พูดว่า
It is ตามด้วย adjective ที่ใช้บรรยายถึงสภาพอากาศ
เช่น It is very hot. วันนี้อากาศร้อนมากเลยนะ
หรือใช้ There is ตามด้วย noun บอกสภาพอากาศ
เช่น There is a thunderstorm. ตอนนี้มีพายุฝนเข้านะ
ทีนี้เรามาดูศัพท์ภาษาอังกฤษเกี่ยวกับสภาพอากาศกันครับ
foggy ฟ็อก-กิ หมอกหนา 
หรือจะใช้ hazy เฮ-ซี่ ก็ได้
hailing เฮล ลูกเห็บ 
ถ้าเกิดขึ้นมากเข้าก็จะกลายเป็นพายุลูกเห็บ (hailstorm)


lightning ไล้ท-นิง สายฟ้า 

คือฟ้าผ่าเบาๆ แต่ถ้าเกิดอย่างต่อเนื่องแถมมีฝนด้วยก็เรียกว่าพายุฝน (thunderstorm)


raining เรน-นิง ฝนตก 
ถ้าตกไม่หนักมาก ฝนตกปรอยๆจะเรียกว่า drizzle


snowing สโนว-วิง หิมะตก 
สำหรับพายุหิมะที่เกิดขึ้นตามภูเขา จะเรียกว่า snowstorm


sunny ซัน-นี่ แดดจ้า 
ใช้คำว่า clear เคลียร์ ก็ได้ครับ อากาศปลอดโปร่ง ช่วงนี้อากศจะร้อนชื้น (humid หรือmuggy)


windy วิน-ดี้ ลมแรง
ถ้ารุนแรงกว่านี้ให้ใช้ stormy หรือพายุเข้า นั่นเอง


cyclone ไซ-โคลน hurricane เฮอร์-ริ-เคน typhoon ไท-ฟูน
เป็นชื่อของลมพายุ ซึ่งจะเรียกแตกต่างกันตามสถานที่ที่เกิดพายุนั้นๆ
cyclone = เกิดขึ้นใน South Pacific และ Indian Ocean
hurricane = เกิดขึ้นในเขต Atlantic กับ Northeast Pacific
typhoon = เกิดขึ้นใน Northwest Pacific
เห็นได้ว่าคำศัพท์พวกนี้ไม่ยากเลย แถมยังได้มีโอกาสใช้บ่อยในบทสนทนาอีกด้วย
พบกับคำศัพท์ภาษาอังกฤษในชีวิตประจำวันแบบนี้ได้ที่ DailyEnglish ครับ